ขายทรัพย์สินของผู้เยาว์ทำให้ไม่ผูกพันผู้เยาว์ |
---|
ในบางครั้ง ผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองของผู้เยาว์ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้แก่บุตรตั้งแต่ผู้เยาว์ยังเล็กๆ ทำให้เอกสารทางทะเบียนที่ปรากฏในระบบของสำนักงานที่ดินว่า บุตรเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ดังนั้น การขายที่ดินที่มีชื่อผู้เยาว์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์นั้นมีกฎหมายกำหนดวิธีการขายทรัพย์สินของผู้เยาว์เอาไว้เป็นการเฉพาะ นอกจากนั้น ไม่ใช่แต่เพียงการขายทรัพย์สินของผู้เยาว์ ยังมีนิติกรรมอย่างอื่น เช่น ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือโอนสิทธิจำนอง ซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้ รวมถึงการเช่า ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งนิติกรรมเหล่านี้ต้องทำตามวิธีการที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ด้วยเช่นกัน จึงจะทำให้นิติกรรมดังกล่าวสมบูรณ์ตามกฎหมาย จึงมีคำถามต่อไปว่า หากว่า ผู้ปกครองหรือผู้ใช้อำนาจปกครองขายทรัพย์สินของผู้เยาว์โดยฝ่าฝืนเงื่อนไขหรือวิธีการทางกฎหมายแล้ว จะมีผลอย่างไร ซึ่งในประเด็นนี้ กฎหมายไม่ได้กำหนดผลของการฝ่าฝืนเงื่อนไขเอาไว้ แต่ได้มีการตัดสินโดยศาลฎีกาได้วางหลักเกณฑ์เอาไว้ว่า หากผู้ปกครองได้ขายทรัพย์สินของผู้เยาว์โดยฝ่าฝืนเงื่อนไขแล้ว ทำให้นิติกรรมนั้นไม่ผูกพันผู้เยาว์ แต่ไม่ทำให้ตกเป็นโมฆะกรรมและโมฆียกรรม นั้นหมายความว่า ผู้ใช้อำนาจปกครองจะต้องรับผิดชอบต่อผู้ซื้อทรัพย์สินของผู้เยาว์หรือคู่กรณีอีกฝ่ายของสัญญานั้นๆ ด้วยตนเอง หลักเกณฑ์ที่กำหนดเงื่อนไขในการทำนิติกรรมคือ จะต้องได้รับความยินยอมจากศาลให้ขายทรัพย์สินของผู้เยาว์หรือได้รับการอนุญาตจากศาลให้ทำนิติกรรมนั้นๆ กับบุคคลภายนอกได้ ซึ่งนิติกรรมใดบ้างที่ผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองจะต้องขออนุญาตจากศาลให้ยินยอมให้ทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ได้ ซึ่งได้กำหนดเอาไว้ในมาตรา 1574 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนี้ หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มาตรา 1574 นิติกรรมใดอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ดังต่อไปนี้ ผู้ใช้อำนาจปกครองจะกระทำมิได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต คำพิพากษาของศาลที่เกี่ยวข้อง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8308/2561 |
ว. เป็นมารดาของผู้คัดค้านทั้งสามย่อมเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง มีอำนาจจัดการทรัพย์สินของบุตรผู้เยาว์ ซึ่งทรัพย์สินหมายความรวมถึงสิทธิเรียกร้องอันเป็นวัตถุไม่มีรูปร่างซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้ บทบัญญัติมาตรา 1574 มีเจตนารมณ์คุ้มครองประโยชน์ของบุตรผู้เยาว์โดยให้ศาลกำกับดูแล การฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลก่อนก็ไม่ได้ตัดอำนาจทำนิติกรรมแทนของผู้ใช้อำนาจปกครอง ไม่เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่ทำให้นิติกรรมนั้นเป็นโมฆะหรือโมฆียะกรรม คงมีผลเพียงไม่ผูกพันบุตรผู้เยาว์ที่กฎหมายมุ่งคุ้มครอง ผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่มีสิทธิกล่าวอ้างเพื่อตัดอำนาจของผู้ใช้อำนาจปกครอง ___________________________ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้านว่า แม้นางสาววาณี ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้คัดค้านทั้งสามเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการโดยไม่ได้ขออนุญาตต่อศาลก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 (13) แต่การขออนุญาตดังกล่าวไม่ใช่แบบของนิติกรรม การเสนอข้อพิพาทดังกล่าวจึงไม่ตกเป็นโมฆะ อันจะทำให้ผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึ้นกล่าวอ้างก็ได้ตามมาตรา 172 เพียงแต่มีผลไม่ผูกพันผู้เยาว์ทั้งสามเท่านั้น จึงเป็นกรณีที่ผู้เยาว์ทั้งสามเท่านั้นที่สามารถยกความเสียเปล่าขึ้นกล่าวอ้างเพื่อมิให้ตนต้องผูกพันตามข้อเสนอ และภายหลังจากอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดแล้ว ผู้ร้องได้สั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คจำนวน 3 ฉบับ ในนามของผู้คัดค้านทั้งสามเพื่อชำระหนี้ และผู้คัดค้านทั้งสามนำแคชเชียร์เช็คไปเรียกเก็บเงินแล้ว ถือว่าผู้ร้องยอมรับตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านทั้งสามโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของผู้ร้องตามกฎหมาย ดอกเบี้ยตามเช็คที่ให้รับผิดนับแต่วันที่มีการเรียกเก็บเงินตามเช็คทั้งสามฉบับ และอายุความตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า ผู้คัดค้านทั้งสามเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการเมื่อพ้นกำหนดเวลาสามปีนับแต่เช็คทั้ง 3 ฉบับ ถึงกำหนดใช้เงินนั้นไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 อันจะเป็นเหตุในการเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดการไต่สวน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ ผู้คัดค้านทั้งสามอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านทั้งสามประการแรกว่า ผู้คัดค้านทั้งสามมีสิทธิมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยหรือไม่ เห็นว่า นางสาววาณีเป็นมารดาของผู้คัดค้านทั้งสามย่อมเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566 มีอำนาจจัดการทรัพย์สินของบุตรผู้เยาว์ตามมาตรา 1571 ซึ่งทรัพย์สินหมายความรวมถึงสิทธิเรียกร้องอันเป็นวัตถุไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้ตามมาตรา 138 บทบัญญัติมาตรา 1574 มีเจตนารมณ์คุ้มครองประโยชน์ของบุตรผู้เยาว์โดยให้ศาลกำกับดูแล การฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลก่อนก็ไม่ได้ตัดอำนาจทำนิติกรรมแทนของผู้ใช้อำนาจปกครอง ไม่เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่ทำให้นิติกรรมนั้นเป็นโมฆะกรรมหรือโมฆียะกรรมตามมาตรา 150 และ 153 คงมีผลเพียงไม่ผูกพันบุตรผู้เยาว์ที่กฎหมายมุ่งคุ้มครอง ผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่มีสิทธิกล่าวอ้างเพื่อตัดอำนาจของผู้ใช้อำนาจปกครอง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าผู้คัดค้านทั้งสามโดยนางสาววาณี ผู้ใช้อำนาจปกครองและผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้คัดค้านทั้งสามบกพร่องเรื่องความสามารถในการมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของผู้คัดค้านทั้งสามฟังขึ้น สำหรับปัญหาเรื่องอายุความ ซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าผู้ร้องโต้แย้งดุลพินิจของอนุญาโตตุลาการ และการยอมรับหรือการบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้ร้องไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านในข้อนี้ จึงไม่มีเหตุที่จะต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นไต่สวนข้อเท็จจริงใดอีก พิพากษากลับเป็นว่าไม่เพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาให้เป็นพับ |