สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

ด่ากันทางโทรศัพท์

เชื่อว่า หลายคนในที่นี้ ได้เคยด่าผู้อื่นทางโทรศัพท์หรือไม่ก็ถูกผู้อื่นด่าทางโทรศัพท์ หากต้องการจะเอาผิดกับบุคคลเหล่านี้ จะต้องดูกฎหมายก่อนว่า สามารถกระทำได้เพียงใด

ในวันนี้ สำนักงานจะได้นำเสนอข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ซึ่งเป็นกฎหมายอาญา เรื่องดูหมิ่นซึ่งหน้า 

โดยมีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้ 

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๓ บัญญัติว่า "ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

องค์ประกอบของกฎหมาย คือ 

๑. ผู้ใด

๒.ดูหมิ่น

๓.ผู้อื่น

๔.ซึ่งหน้า

ข้อความที่สำคัญในทางกฎหมายในข้อนี้ คือคำว่า ซึ่งหน้า โดยหลักกฎหมายหรือเจตนารมณ์ของกฎหมายว่า คำว่า ซึ่งหน้า จะต้องสามารถป้องกันเหตุร้ายที่อาจเข้าถึงตัวกันทันทีที่มีการกล่าว

ดังนั้น การที่ด่ากันทางโทรศัพท์ซึ่งอยู่คนละท้องที่กัน ย่อมไม่อาจป้องกันเหตุร้ายที่อาจเข้าถึงตัวกันทันที จึงไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3711/2557

จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า จำเลยโทรศัพท์ไปหาผู้เสียหาย ด่าว่าและทวงเอกสารจากผู้เสียหาย ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายอยู่ที่สถานีบริการขนส่ง (บขส.) ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา จำเลยอยู่ที่ส่วนบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 ตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นสถานที่ห่างไกลกันคนละอำเภอ แต่องค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 นั้น ถ้าเป็นการกล่าวด้วยวาจา ผู้กระทำต้องกล่าวซึ่งหน้าผู้เสียหาย เพราะบทบัญญัติมาตรานี้มีเจตนารมณ์ป้องกันเหตุร้ายที่อาจเข้าถึงตัวกันทันทีที่มีการกล่าวดูหมิ่น

 

 

 

 

 

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 จำคุก 1 เดือน และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายและจำเลยทำงานที่สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 18 (บางวัน พังงา) ผู้เสียหายเป็นลูกจ้างตำแหน่งเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล ส่วนจำเลยเป็นเจ้าพนักงานป่าไม้ 5 ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าสถานี ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยโทรศัพท์ไปหาผู้เสียหายเพื่อทวงถามเอกสารจากผู้เสียหาย

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า จำเลยโทรศัพท์ไปหาผู้เสียหาย ด่าว่าและทวงเอกสารจากผู้เสียหาย ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายอยู่ที่สถานีบริการขนส่ง (บขส.) ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา จำเลยอยู่ที่ส่วนบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 ตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นสถานที่ห่างไกลกันคนละอำเภอ แต่องค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 นั้น ถ้าเป็นการกล่าวด้วยวาจา ผู้กระทำต้องกล่าวซึ่งหน้าผู้เสียหาย เพราะบทบัญญัติมาตรานี้มีเจตนารมณ์ป้องกันเหตุร้ายที่อาจเข้าถึงตัวกันทันทีที่มีการกล่าวดูหมิ่น ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบจึงยังไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

บทความที่น่าสนใจ

- หากผ่อนรถยนต์ไม่หมดแล้วนำไปจำนำหรือขายต่อ จะเป็นอย่างไร

- การลักกระแสไฟฟ้าหรือสัญญาโทรศัพท์จะมีความผิดหรือไม่

-การปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างในทางภาระจำยอมไม่เป็นบุกรุก

-ขอไถ่ทรัพย์จำนำคืนไม่ยอมให้ไถ่ไม่ผิดยักยอก

-นำทรัพย์ที่เช่าซื้อไปจำนำผิดยักยอก

-ไม่รู้ว่าทรัพย์ที่รับไว้มาจากการกระทำความผิด่ผิดฐานรับของโจรหรือไม่

-ไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าคืนเป็นความผิดฐานยักยอกหรือไม่

-โอนทรัพย์มรดกของผู้ตายให้แก่ทายาทเจ้าหนี้ของผู้ตายฟ้องโกงเจ้าหนี้ได้หรือไม