สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

ขายรถยนต์ที่เช่าซื้อที่ยังผ่อนไม่หมด มีความผิดหรือไม่

สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน อาจจะทำให้ใครหลายๆคน มีปัญหาทางด้านการเงิน จนต้องไปพึ่งพาการกู้เงินนอกระบบ หรือนำทรัพย์สินที่มีอยู่ออกขาย หรือจำนอง จำนำ บางคนซื้อบ้าน ซื้อรถใหม่ออกมาได้ไม่กี่เดือนก็เกิดปัญหาทางด้านการเงิน จนต้องประกาศขายบ้านขายรถ หรือปล่อยให้ธนาคารหรือบริษัทให้เช่าซื้อรถยึดบ้านยึดรถ เมื่อท่านผิดนัดไม่ชำระค่างวดให้กับธนาคารหรือบริษัทให้เช่าซื้อ ท่านก็จะต้องถูกธนาคารหรือบริษัทฯ ฟ้องร้องดำเนินคดี และในกรณีเช่นนี้หากท่านยังมีรถอยู่ในความครอบครองและสามารถส่งมอบรถคืนให้ธนาคารหรือบริษัทฯ ท่านก็จะมีความรับผิดเฉพาะในความเสียหายส่วนแพ่งคือ คืนรถและชำระเงินค่าเสียหายบางส่วนให้ธนาคารหรือบริษัทฯ แค่นี้เรื่องก็จบ

แต่...ก็มีหลายๆท่าน เมื่อซื้อรถมาแล้วส่งต่อค่างวดในแต่ละเดือนไม่ไหว ก็นำรถคันดังกล่าวออกขาย หรือ นำไปจำนำนอกระบบ แล้วนำเงินที่ได้ไปใช้ส่วนตัวและไม่ยอมส่งค่างวดรถต่อ ในกรณีเช่นนี้ การกระทำดังกล่าวของท่าน คือการกระทำความผิดทางอาญาฐานยักยอก ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๕๒ “ ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ” เพราะรถที่ท่านเช่าซื้อมานั้น ยังไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของผู้เช่าซื้อ แต่ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ ของธนาคารหรือบริษัทที่ให้เช่าซื้อ  ดังคำพิพากษาฎีกาตัวอย่างดังต่อไปนี้

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11294/2553 หลังจากทำสัญญาเช่าซื้อจำเลยชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้เสียหายเพียง 2 งวดแล้วไม่ชำระค่าเช่าซื้ออีกเลย และจำเลยนำรถที่เช่าซื้อไปตีใช้หนี้ให้แก่ผู้อื่นโดยจำเลยทราบอยู่แล้วว่ารถที่เช่าซื้อยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหาย เมื่อ จ. ไปติดตามยึดรถที่เช่าซื้อแต่จำเลยบ่ายเบี่ยงไม่ให้ความร่วมมือ พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้เสียหายที่อยู่ในครอบครองของจำเลยไปโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานยักยอก

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 4781/2555 รถยนต์กระบะเป็นของผู้เสียหายที่ 2 โจทก์ร่วมทำสัญญาเช่าซื้อจากผู้เสียหายที่ 2 ขณะเกิดเหตุยังอยู่ระหว่างการผ่อนชำระค่าเช่าซื้อ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์กระบะจึงยังเป็นของผู้เสียหายที่ 2 จนกว่าจะมีการชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วน ในการตกลงซื้อขายรถยนต์กระบะให้แก่จำเลยมีเงื่อนไขว่า โจทก์ร่วมจะโอนทะเบียนให้จำเลยต่อเมื่อจำเลยชำระราคารถยนต์ครบถ้วนแล้ว ซึ่งรวมถึงข้อตกลงให้จำเลยผ่อนชำระค่าเช่าซื้อที่โจทก์ร่วมยังคงค้างชำระแก่ผู้เสียหายที่ 2 ด้วย ข้อตกลงในการซื้อขายรถยนต์กระบะระหว่างโจทก์ร่วมและจำเลยจึงมิใช่การซื้อขายเสร็จเด็ดขาด กรรมสิทธิ์ในรถยนต์จึงยังไม่ตกเป็นของจำเลย ที่จำเลยเป็นผู้ครอบครองรถหลังจากมีการทำสัญญาซื้อขายดังกล่าว ถือเป็นเพียงการครอบครองรถยนต์กระบะไว้แทนโจทก์ร่วมเท่านั้น จำเลยไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์กระบะที่แท้จริง ภายหลังจากทำข้อตกลงซื้อขายรถยนต์กระบะดังกล่าวจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อและไม่ชำระราคารถยนต์กระบะให้ครบถ้วน โจทก์ร่วมแจ้งให้จำเลยคืนรถยนต์กระบะให้โจทก์ร่วม แต่จำเลยเพิกเฉยและอ้างว่ารถยนต์กระบะสูญหาย การที่จำเลยยังคงครอบครองรถยนต์กระบะของโจทก์ร่วมต่อมาโดยไม่ส่งมอบคืน น่าเชื่อว่าจำเลยมีเจตนาเบียดบังปกปิดและซุกซ่อนรถยนต์กระบะโดยมีเจตนาที่จะไม่ส่งมอบคืนแก่โจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานยักยอก

 
โดย ทนายความเชียงใหม่