สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 83 สมาคมที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล


 

 

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15561/2557 การกีฬาแห่งประเทศไทยเพิกถอนใบอนุญาตที่ให้โจทก์จัดตั้งเป็นสมาคมแต่โจทก์อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลปกครองและคดีอยู่ระหว่างพิจารณา ข้อเท็จจริงจึงยังไม่ยุติ ทั้งการเลิกสมาคมต้องเป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 101 (6) ที่บัญญัติให้สมาคมเลิกกันเมื่อนายทะเบียนถอนชื่อสมาคมจากทะเบียน เมื่อไม่ปรากฏว่านายทะเบียนได้ถอนชื่อโจทก์ออกจากทะเบียน โจทก์จึงยังมีสถานะเป็นนิติบุคคลและมีอำนาจฟ้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 83

 

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับห้ามจำเลยทั้งสองกับพวกและคณะบุคคลที่จัดประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2554 ใช้ชื่อว่า สมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย และห้ามนำชื่อดังกล่าวไปจดทะเบียนและให้โจทก์มีสิทธิใช้ชื่อสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ตลอดไป เพิกถอนมติที่ประชุมจำเลยทั้งสองกับพวกในวันที่ 25 สิงหาคม 2554 ที่ให้จัดตั้งสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย และลงมติเลือกจำเลยที่ 1 เป็นนายกสมาคม กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 10,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และร่วมกันใช้ค่าเสียหายอีกวันละ 10,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองกับพวกจะเลิกใช้ชื่อสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องและดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

จำลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 แต่เพียงว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลและมีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทสมาคมตามประมวลกฎมายแพ่งและพาณิชย์ โดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2496 และนายทะเบียนรับจดทะเบียนโจทก์เป็นสมาคมและได้ออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้แก่โจทก์แล้ว ตามใบอนุญาตจัดตั้งสมาคมหรือองค์การ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 83 บัญญัติให้สมาคมที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล ส่วนที่การกีฬาแห่งประเทศไทยกล่าวอ้างว่า เป็นผู้ออกใบอนุญาตให้จัดตั้งโจทก์เป็นสมาคมตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2528 มาตรา 53 และมาตรา 59 แต่โจทก์ดำเนินการโดยฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมและจงใจฝ่าฝืนกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการกีฬาแห่งประเทศไทย จึงให้เพิกถอนใบอนุญาตที่ให้ไว้แก่โจทก์โดยโจทก์ต้องเลิกและหยุดดำเนินการทันที ตามหนังสือของการกีฬาแห่งประเทศไทย ข้อนี้ได้ความว่าโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของการกีฬาแห่งประเทศไทยและได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครอง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง เช่นนี้ เมื่อยังมีการโต้แย้งคำสั่งของการกีฬาแห่งประเทศไทยที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งสมาคมของโจทก์ดังกล่าวและข้อเท็จจริงยังไม่เป็นที่ยุติ ทั้งกรณีเลิกสมาคมต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 101 (6) ที่บัญญัติให้สมาคมเลิกกันเมื่อนายทะเบียนถอนชื่อสมาคมจากทะเบียน... เมื่อไม่ปรากฏว่านายทะเบียนที่ได้ออกใบอนุญาตให้จัดตั้งสมาคมของโจทก์ได้ถอนชื่อโจทก์ออกจากทะเบียนตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว โจทก์ย่อมยังมีสถานะเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 83 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายและไม่มีอำนาจฟ้อง โดยให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องและดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ในชั้นนี้ให้เป็นพับ