สัญญาค้ำประกันต้องปิดอากรแสตมป์เท่าไหร่ |
---|
สัญญาค้ำประกันเป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญาอื่นๆ ที่เป็นหนี้หลัก เช่น สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาว่าจ้างก่อสร้าง สัญญาเบิกเงินเกินบัญชี สัญญาจ้างแรงงาน เป็นต้น ซึ่งสัญญาเหล่านี้มีคู่สัญญาอยู่แล้ว แต่หากจะให้บุคคลภายนอกเข้ามารับผิดตามเนื้อความในสัญญาหลักแล้ว คู่สัญญานั้นๆจะต้องจัดทำสัญญาค้ำประกันด้วยบุคคลเข้ามาอีก ๑ สัญญา หรือที่เรียกว่า สัญญาค้ำประกัน เมื่อคู่สัญญาหลักผิดสัญญาแล้ว คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเรียกร้องเอากับคู่สัญญาหลักและผู้ค้ำประกันได้ ทั้งนี้ การจะเอาสัญญาค้ำประกันไปเป็นหลักฐานการฟ้องคดีนั้น จะต้องปิดอากรแสตมป์ให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด หากไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว จะส่งผลให้ไม่สามารถใช้หลักฐานนั้นอ้างต่อศาลได้ และถือว่าไม่มีหลักฐานนั้นๆ ปรากฏในสำนวนคดี ทำให้ผู้ฟ้องต้องแพ้คดีได้ จึงมีคำถามต่อไปว่า สัญญาค้ำประกันต้องปิดอากรแสตมป์เท่าไหร่ ตามกฎหมายแล้ว กำหนดให้ต้องปิดอากรแสตมป์จำนวน 10 บาท โดยจะปิดดวงละ 1 บาท 10 ดวง หรือ ดวงละ 5 บาท 2 ดวงก็ได้ จึงมีคำถามต่อไปว่า ต้องปิดอากรแสตมป์ตรงที่ใดของสัญญาค้ำประกัน หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 108 ถ้าทำตราสารหลายลักษณะตามที่ระบุในบัญชีท้ายหมวดนี้บนกระดาษแผ่นเดียวกัน หรือเป็นฉบับเดียวกัน เช่น เช่าและกู้ยืมเงินรวมกันไว้ หรือทำตราสารลักษณะเดียวกันหลายเรื่องบนกระดาษแผ่นเดียวกัน หรือเป็นฉบับเดียวกัน เช่น ขายของสิ่งหนึ่งให้แก่คนหนึ่ง และขายอีกสิ่งหนึ่งให้แก่อีกคนหนึ่ง ซึ่งตามสภาพควรจะแยกกัน ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ให้ครบทุกลักษณะหรือทุกเรื่อง โดยปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นรายตราสารแยกไว้ให้ปรากฏว่าตราสารใดอยู่ที่ใด และแสตมป์ดวงใดสำหรับตราสารลักษณะหรือเรื่องใด คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3920/2546 จำเลยที่ 1 ไม่ได้กู้ยืมเงินโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 1 ไม่ได้ส่งมอบเงินที่ยืมให้แก่จำเลยที่ 1 ทั้งจำเลยที่ 1 ไม่ได้ตกลงจะชำระเงินให้แก่โจทก์ที่ 1 แทนการโอนที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 1 ในขณะทำสัญญาแต่ตกลงว่าจำเลยที่ 1 จะโอนที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 1 หากไม่โอนยินยอมชดใช้เงิน ซึ่งเป็นการกำหนดค่าเสียหายล่วงหน้าทำนองเบี้ยปรับ สัญญาดังกล่าวจึงมิใช่สัญญากู้ยืมเงินอันจะต้องปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรฯ ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากรฯ มาตรา 118 |
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 2,672,906 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 2,500,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง |