สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

ส่งมอบโฉนดที่ดินไว้เป็นหลักประกันหนี้เงินกู้ จะมีผลอย่างไร

 

ทนายความเชียงใหม่ ขอเกริ่นเรื่องก่อนว่า กู้ยืมเงินกัน โดยผู้กู้ได้นำโฉนดที่ดินไปส่งมอบให้กับผู้ให้กู้เพื่อเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงิน เป็นกรณีที่ผู้กู้ได้นำเอกสารสิทธิมาเป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ กรณีเช่นนี้หากผู้กู้ยังไม่ชำระหนี้ก็ไม่มีสิทธิเรียกคืนโฉนดที่ดินจากผู้ให้กู้ ผู้ให้กู้มีสิทธิยึดถือโฉนดที่ดินไว้เป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้คืน
โดยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๔๑ ผู้ใดเป็นผู้ครองทรัพย์สินของผู้อื่น และมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วยทรัพย์สินซึ่งครองนั้นไซร้ ท่านว่าผู้นั้นจะยึดหน่วงทรัพย์สินนั้นไว้จนกว่าจะได้ชำระหนี้ก็ได้แต่ความที่กล่าวนี้ท่านมิให้ใช้บังคับ เมื่อหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนด           อนึ่งบทบัญญัติในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าการที่เข้าครอบครองนั้นเริ่มมาแต่ทำการอันใดอันหนึ่งซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18952/2555 จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากันและร่วมกันกู้ยืมเงินโจทก์และมอบโฉนดที่ดิน 3 ฉบับ คือ โฉนดที่ดินเลขที่ 22355, 22356 และ 22357 ดังกล่าวให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นหลักประกันและหนังสือมอบอำนาจให้แก่โจทก์เพื่อจดทะเบียนจำนองต่อเจ้าพนักงาน แต่โจทก์มิได้นำเอกสารไปจดจำนอง ภายหลังจำเลยทั้งสองผิดนัดไม่สามารถชำระหนี้ตามที่ตกลงกัน ในปี 2542 โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงคิดดอกเบี้ยกันใหม่ โดยจำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้จำนวน 6,224,562 บาท และจำเลยที่ 2 ยังสั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์ 1 ฉบับ มีจำนวนเงินในเช็คเท่ากับจำนวนเงินในสัญญากู้เงิน มีจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสลักหลัง เมื่อเช็คถึงกำหนดเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน

โจทก์ฎีกาในข้อสุดท้ายว่า โจทก์มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินพิพาทไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 นั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงแห่งคดีคดีฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองโฉนดที่ดินพิพาททั้งสามฉบับ โดยจำเลยที่ 2 มอบให้ยึดถือเป็นประกันเงินกู้ โจทก์จึงมีสิทธิยึดถือโฉนดที่ดินไว้เป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้คืน อันเป็นบุคคลสิทธิบังคับกันได้ระหว่างโจทก์ กับจำเลยที่ 2 ในฐานะคู่สัญญาต่อกัน แม้การที่โจทก์ยึดถือโฉนดที่ดินพิพาททั้งสามฉบับเป็นประกันเงินกู้ที่โจทก์จะได้รับคืน ซึ่งไม่ได้เป็นคุณแก่โจทก์เกี่ยวด้วยที่ดินโฉนดพิพาททั้งสามฉบับดังกล่าว กรณีจึงหาใช่สิทธิยึดหน่วงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 ซึ่งหมายถึง การที่ผู้ครอบครองได้
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นและมีหนี้อันเป็นคุณแก่ผู้ครอบครองเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่ครอบครองนั้นก็ตาม แต่โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิยึดถือโฉนดที่ดินพิพาททั้งสามฉบับเป็นประกันจนกว่าจะได้รับชำระหนี้คืน เมื่อจำเลยยังไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้โจทก์คืนโฉนดที่ดินดังกล่าวจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์คืนโฉนดที่ดินพิพาททั้งสามฉบับแก่จำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์ยังคงยึดถือโฉนดที่ดินพิพาททั้งสามฉบับดังกล่าวไว้จนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ครบถ้วน ยกฟ้องแย้ง ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนของฟ้องกับฟ้องแย้งในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6664/2556 แม้จำเลยในฐานะผู้ให้กู้ยืมจะไม่มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินไว้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 เพราะหนี้เงินกู้ไม่เกี่ยวกับตัวทรัพย์พิพาท แต่เมื่อข้อตกลงตามสัญญากู้ระบุให้ผู้ให้กู้มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทไว้เป็นประกันจนกว่าผู้กู้จะชำระหนี้เป็นข้อตกลงที่คู่สัญญาสมัครใจทำกันไว้ ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนย่อมมีผลบังคับ ผู้ให้กู้จึงมีสิทธิยึดถือทรัพย์ที่นำมาประกันไว้จนกว่าผู้กู้จะชำระหนี้ตามสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอโฉนดที่ดิน และหนังสือสัญญากู้เงินคืนจนกว่าโจทก์จะได้ชำระหนี้ให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2318/2543 เมื่อ ป. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินแปลงพิพาทย่อมมีสิทธินำโฉนดที่ดินไปให้จำเลยยึดถือเพื่อเป็นหลักประกันในการที่ ป. กู้ยืมเงินจากจำเลยได้ แม้ว่าโจทก์และทายาทอื่น ๆ ผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับ ป. ในที่ดินดังกล่าว จะไม่ได้รู้เห็นหรือให้ความยินยอม จำเลยก็ย่อมยึดถือโฉนดที่ดินไว้ได้จนกว่า ป. จะชำระหนี้ให้แก่จำเลย หากโจทก์หรือทายาทอื่นได้รับความเสียหายจากการกระทำของ ป. ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกับ ป. ต่างหาก หาเกี่ยวกับจำเลยไม่ แม้จำเลยจะมีสิทธิบังคับคดีได้เฉพาะที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ ป. ดังที่โจทก์อ้าง ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดี อันเป็นคนละเรื่องกับการที่จำเลยใช้สิทธิยึดถือโฉนดที่ดินอันเนื่องมาจากการที่ ป. นำมามอบให้ยึดถือไว้ เพื่อประกันการกู้ยืมเงินดังกล่าว