สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

การวางเงินเพื่อบรรเทาผลร้ายในคดีอาญาถอนเงินคืนไม่ได้

การวางเงินของจำเลยต่อศาลชั้นต้นเพื่อบรรเทาผลร้ายและจำเลยประสงค์ให้ศาลใช้เป็นดุลพินิจในการลงโทษจำเลยสถานเบา ซึ่งศาลชั้นต้นได้นำเรื่องดังกล่าวมาเป็นเหตุบรรเทาโทษให้จำเลย ทั้งการวางเงินเพื่อให้ผู้เสียหายมารับไปย่อมแสดงอยู่ในตัวแล้วว่า จำเลยจะไม่ถอนเงินดังกล่าวกลับไป หากผู้เสียหายยังประสงค์จะรับเงินนั้น การที่ครั้งแรก ผู้เสียหายยังไม่ยอมรับเงินเนื่องจากเห็นว่าเป็นจำนวนที่น้อยเกินไป มิใช่ผู้เสียหายไม่ประสงค์จะเรียกค่าเสียหายหรือไม่ประสงค์รับเงินที่จำเลยนำมาวางศาลเสียทีเดียว จำเลยไปขอรับเงินคืนภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจเรียกผู้เสียหายมาสอบถาม เมื่อผู้เสียหายแถลงว่าประสงค์จะรับเงินจำเลยจึงไม่อาจถอนเงินจำนวนดังกล่าวได้

จำเลยเป็นผู้ขอวางเงินชดใช้ค่าเสียหายต่อศาลชั้นต้นโดยประสงค์ให้ศาลใช้เป็นดุลพินิจในการวางโทษจำเลยสถานเบา การวางเงินเพื่อชดใช้ค่าเสียหายต่อศาล จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันโดยตรงกับคดี ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะสั่งเกี่ยวกับเงินจำนวนดังกล่าวได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7024/2544

 

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ , ๓๐๐ , ๙๑ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ. ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔ , ๔๓ , ๑๕๗ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ. ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖ , ๑๗ , ๖๐ , ๖๕ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ. ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๔ , ๗ , ๑๑ , ๓๙ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ลงโทษฐานขับรถเมื่อใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุ ปรับ ๑,๐๐๐ บาท ฐานใช้รถ ที่ยังมิได้เสียภาษีประจำปี ปรับ ๑,๐๐๐ บาท ฐานไม่แจ้งการโอนรถ ปรับ ๑,๐๐๐ บาท ฐานใช้รถที่มิได้จัดให้มีการประกันความเสียหาย ปรับ ๕,๐๐๐ บาท และฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส ให้ลงโทษฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก ๒ ปี รวมจำคุก ๒ ปี ปรับ ๘,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑ ปี ปรับ ๔,๐๐๐ บาท พิเคราะห์ พฤติการณ์แห่งคดีและรายงานการสืบเสาะและพินิจแล้วเห็นว่า จำเลยขับรถขณะเมาสุราและด้วยความเร็วสูง อันเป็นความประมาทร้ายแรง แม้จำเลยจะบรรเทาผลร้ายโดยนำเงินมาวางศาลเพื่อให้ผู้เสียหายรับไป ก็ไม่มีเหตุพอ ที่จะรอ การลงโทษให้ แต่ศาลได้นำมาประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษแล้ว

ต่อมาภายหลังคำพิพากษาศาลชั้นต้นถึงที่สุดจำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยได้นำเงินค่าเสียหายจำนวน ๑๖๐,๐๐๐ บาท มาวางศาลเพื่อให้ผู้เสียหายในคดีนี้มาขอรับไป แต่ผู้เสียหายปฏิเสธไม่ยอมรับเงิน จำเลยจึงขอรับเงินดังกล่าวคืน

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้หมายนัดผู้เสียหายมาสอบถามก่อนโดยไม่คืนเงินค่าเสียหาย ๑๖๐,๐๐๐ บาท แก่จำเลย

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ก่อนส่งสำนวนมาศาลอุทธรณ์ ในวันที่ศาลชั้นต้นนัดสอบถาม ผู้เสียหายแถลงประสงค์จะรับเงินจำนวน ดังกล่าว และต่อมาได้ยื่นคำแถลงขอรับเงินแล้ว

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุที่จะสั่งคืนเงินจำนวน ๑๖๐,๐๐๐ บาท ที่จำเลยวางไว้ต่อศาลชั้นต้นก่อนมีคำพิพากษาให้จำเลยหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพและแถลงยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายเป็นเงิน ๑๖๐,๐๐๐ บาท โดยได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาวางต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ผู้เสียหายมารับไปตามคำร้องของจำเลยลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๔๒ เห็นว่า การวางเงินดังกล่าวของจำเลยต่อศาลชั้นต้น เพื่อบรรเทาผลร้ายจากการกระทำความผิดของจำเลยและจำเลยยังประสงค์ให้ศาลใช้เป็นดุลพินิจในการลงโทษจำเลยสถานเบาด้วยซึ่งศาลชั้นต้นก็ได้นำเรื่องดังกล่าวมาเป็นเหตุบรรเทาโทษให้จำเลยแล้ว ทั้งวางเงินเพื่อให้ผู้เสียหายมารับไปย่อมแสดงอยู่ในตัวแล้วว่า จำเลยจะไม่ถอนเงินดังกล่าวกลับไป หากผู้เสียหายยังประสงค์จะรับเงินนั้น การที่ครั้งแรกผู้เสียหาย ยังไม่ยอมรับเงินที่จำเลยนำมาวางในคดีนี้ก็เนื่องจากเห็นว่าเป็นจำนวนที่น้อยเกินไป มิใช่ผู้เสียหายไม่ประสงค์จะเรียก ค่าเสียหายหรือไม่ประสงค์รับเงินที่จำเลยนำมาวางศาลเสียทีเดียว ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจเรียกผู้เสียหายไปสอบถามเมื่อจำเลยไปขอรับเงินคืนภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วว่าผู้เสียหายประสงค์จะรับเงินจำนวนดังกล่าวหรือไม่ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นเรียกผู้เสียหายไปสอบถาม ผู้เสียหายก็แถลงว่าประสงค์จะรับเงินจำนวนดังกล่าว จำเลยจึงไม่อาจ ถอนเงินจำนวนดังกล่าวได้

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้เป็นคดีอาญาตามคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏเรื่องจำนวน ๑๖๐,๐๐๐บาท ศาลชั้นต้นจึงไม่มีอำนาจสั่งในเรื่องนี้ นั้น เห็นว่า แม้คดีนี้เป็นคดีอาญาและโจทก์มิได้บรรยายฟ้องหรือมีคำขอเกี่ยวกับเงินค่าเสียหายจำนวน ๑๖๐,๐๐๐ บาท ก็ตาม แต่จำเลยเป็นผู้ขอวางเงินชดใช้ค่าเสียหายต่อศาลชั้นต้นโดยประสงค์ให้ศาลใช้เป็นดุลพินิจในการวางโทษจำเลยสถานเบา การวางเงินเพื่อชดใช้ค่าเสียหายต่อศาล จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันโดยตรงกับคดีศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะสั่งเกี่ยวกับเงินจำนวนดังกล่าวได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒

พิพากษายืน

บทความที่น่าสนใจ

-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่

-ด่ากันทางโทรศัพท์

-ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก

-การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม

-การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

-เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น

-ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน
เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน

-ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร

-ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

-ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้

-การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน

-เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร