สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้

แม้คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและวิธีการซึ่งกำหนดโดยกฎกระทรวงและต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตาม ป.ที่ดิน มาตรา 86 แต่ ป.ที่ดินไม่ได้ห้ามเด็ดขาดไม่ให้คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดิน เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ดังนั้น การที่ ต. และจำเลยร่วมกันครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แล้วนั้น การครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทของ ต. จึงไม่ได้เสียเปล่าไปและยังมีผลตามกฎหมาย เมื่อ ต. ถึงแก่ความตายเมื่อปี 2534 จำเลยได้ครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทต่อมาจาก ต. จึงเป็นการครอบครองเพื่อตนต่อเนื่องมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวโดยการครอบครองปรปักษ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5016/2555
โจทก์ทั้งห้าฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากบ้านพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอัตราเดือนละ 5,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากบ้านพิพาท

จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 24203 ตำบลบางสมัคร อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื้อที่ 43 ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครอบปรปักษ์

โจทก์ทั้งห้าให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง

ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความ ขอให้มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา สาขาบางปะกง แก้ชื่อทางทะเบียนโดยใส่ชื่อผู้ร้องสอดในฐานะผู้จัดการมรดกของนายตงงักและจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนตามแผนที่วิวาท หากโจทก์ทั้งห้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์ทั้งห้า

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1)

โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องสอดขอให้ยกคำร้องสอด

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 24203 ตำบลบางสมัคร อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา (แบ่งแยกในนามเดิมออกจากโฉนดที่ดินเลขที่ 7856 ตำบลบางสมัคร อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา) ในส่วนที่ระบายเป็นพื้นที่สีเขียวซึ่งมีเนื้อที่ 12 ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์รวมของจำเลยและจำเลยร่วม (ที่ถูก ผู้ร้องสอด) ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายตงงัก โดยการครอบครองปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ทั้งห้าฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ...คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งห้าในข้อต่อไปว่า จำเลยและผู้ร้องสอดได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเนื้อที่ 12 ตารางวา บริเวณพื้นที่สีเขียวตามแผนที่วิวาทโดยครอบครองปรปักษ์หรือไม่ โจทก์ทั้งห้าฎีกาในข้อกฎหมายว่านายตงงักเป็นคนต่างด้าว มีเชื้อชาติและสัญชาติจีนซึ่งการได้มาซึ่งที่ดินจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 แต่นายตงงักถึงแก่ความตายเมื่อปี 2534 โดยมิได้ดำเนินการให้ถูกต้อง จำเลยครอบครองที่ดินต่อมาจากนายตงงัก หากจะถือว่าเป็นการครอบครองเพื่อตนก็จะต้องเริ่มนับระยะเวลาครอบครองใหม่ นับถึงวันที่โจทก์ทั้งห้าฟ้องคดีนี้ จำเลยยังครอบครองที่ดินไม่ถึง 10 ปี เห็นว่า แม้โจทก์ทั้งห้าเพิ่งยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นอ้างในชั้นฎีกาก็ตาม แต่เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของนายตงงัก จึงเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน โจทก์ทั้งห้าจึงยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง อย่างไรก็ตาม แม้คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและวิธีการซึ่งกำหนดโดยกฎกระทรวงและต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 แต่ประมวลกฎหมายที่ดินไม่ได้ห้ามเด็ดขาดไม่ให้คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดิน เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ดังนั้น การที่นายตงงักและจำเลยร่วมกันครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แล้วนั้น การครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทของนายตงงักจึงไม่ได้เสียเปล่าไปและยังมีผลตามกฎหมาย เมื่อนายตงงักถึงแก่ความตายเมื่อปี 2534 จำเลยได้ครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทต่อมาจากนายตงงัก จึงเป็นการครอบครองเพื่อตนต่อเนื่องมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวโดยการครอบครองปรปักษ์

ส่วนนายตงงักซึ่งเป็นคนต่างด้าวไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินการตามเงื่อนไขของกฎหมายแล้วซึ่งจะทำให้นายตงงักสามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ แม้การครอบครองที่ดินของนายตงงักจะไม่เสียเปล่าไป แต่ก็จะมาขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่นายตงงักครอบครองไม่ได้ หากศาลบังคับให้จะเป็นทางให้นายตงงักได้ที่ดินอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย คำขอของผู้ร้องสอดจึงไม่อาจบังคับให้ได้ ผู้ร้องสอดจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องสอดให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ได้ รวมทั้งคำขออื่นที่อาศัยสิทธิของการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ด้วย ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวโดยการครอบครองปรปักษ์นั้นชอบแล้ว แต่ที่มีคำสั่งให้ผู้ร้องสอดในฐานะผู้จัดการมรดกของนายตงงักได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวโดยการครอบครองปรปักษ์ด้วยนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องสอดของผู้ร้องสอดเสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

บทความที่น่าสนใจ

-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่

-ด่ากันทางโทรศัพท์

-ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก

-การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม

-การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

-เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น

-ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน
เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน

-ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร

-ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

-ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้

-การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน

-เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร