สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

บุคคลสองคนอาจทำพินัยกรรมในฉบับเดียวกันก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2537
การที่ผู้ร้องร่วมกับผู้ตายทำพินัยกรรมในฉบับเดียวกันแสดงเจตนาที่จะยกทรัพย์สินให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง หากว่าฝ่ายใดถึงแก่ความตายไปก่อน เพียงแต่กำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์สินที่ได้ตามพินัยกรรมให้แก่บุคคลตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม โดยให้ผู้รับพินัยกรรมกำหนดให้มากน้อยเท่าใดตามแต่ใจ กรณีจึงถือได้ว่าเงื่อนไขดังกล่าวนั้นเป็นอันไม่มีเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1707 มิใช่กรณีตามมาตรา 1706(3) ดังนี้ ข้อกำหนดพินัยกรรมในส่วนที่ผู้ตายยกทรัพย์สินให้แก่ผู้ร้องยังคงสมบูรณ์ใช้บังคับได้หาเป็นโมฆะไม่ พินัยกรรมที่ผู้ร้องกับผู้ตายทำเป็นหนังสือลงวันเดือนปีในขณะที่ทำขึ้นและผู้ทำพินัยกรรมได้ลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน ซึ่งพยานสองคนได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมไว้ขณะนั้น จึงเข้าแบบพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656 วรรคหนึ่ง ดังนั้นแม้ผู้ร้องกับผู้ตายจะทำพินัยกรรมในเอกสารฉบับเดียวกันก็ไม่ผิดแบบแต่อย่างใด และก็มิใช่การพนันขันต่อเพราะเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์มรดกของตนเองหรือในการต่าง ๆอันจะให้เกิดเป็นผลได้ตามกฎหมายในเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายก่อนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 เมื่อผู้ร้องลงชื่อในฐานะผู้ทำพินัยกรรม มิได้ลงชื่อในฐานะพยานทั้งมิได้มีข้อความระบุว่าเป็นพยานต่อท้ายลายมือชื่อของตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1671 วรรคหนึ่ง กรณีจึงไม่อาจถือว่าผู้ร้องเป็นพยานในพินัยกรรม ดังนั้น พินัยกรรมหาได้ตกเป็นโมฆะตาม มาตรา 1653 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย มาตรา 1705 ไม่ แม้ผู้ร้องจะมีอายุมากแล้ว และเคยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าผู้ร้องมีสติสัมปชัญญะดี มีความรู้สึกผิดชอบ มีความสามารถที่จะดำเนินการทำนิติกรรมใด ๆ ได้ และผู้ร้องก็ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ทั้งผู้ร้องก็เป็นทายาทโดยพินัยกรรมตาม มาตรา 1603 วรรคสาม ได้รับมรดกทั้งหมดของผู้ตาย เท่ากับผู้ตายตัดมิให้ผู้คัดค้านได้รับมรดกของตนแม้ผู้คัดค้านจะมีสิทธิในสินสมรสร่วมกับผู้ตายและเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายก็ตาม แต่ผู้คัดค้านไปอยู่กินฉันสามีภรรยากับชายอื่นขณะที่ยังไม่ขาดจากการสมรสกับผู้ตาย ตามพฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่สมควรตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นพี่น้องบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตาย และก่อนผู้ตายถึงแก่ความตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีบุตรด้วยกัน 5 คน ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมและตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดกไว้ พินัยกรรมของผู้ร้องเป็นพินัยกรรมปลอม ลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมไม่ใช่ลายมือชื่อของผู้ตาย พยานในพินัยกรรมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการทำพินัยกรรมตามพินัยกรรมกำหนดเงื่อนไขระบุว่า ให้ยกให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่และขณะเดียวกันให้ผู้มีชีวิตอยู่แบ่งแก่บุคคลตามข้อ ข.(1) ถึง (3) ส่วนแบ่งจะได้เท่าใดไม่ได้ระบุไว้ ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีชีวิตอยู่ จึงเป็นเงื่อนไขที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้ ผู้ร้องลงชื่อในพินัยกรรมเท่ากับเป็นพยานในพินัยกรรม จึงต้องห้ามมิให้รับมรดกตามพินัยกรรม มรดกจึงตกแก่ทายาท ผู้ร้องเป็นน้องของผู้ตายไม่ได้เป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้ง นางสาวพวง งามเอก ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายปิยะ งามเอก ผู้ตาย กับให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายให้ยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้คัดค้านฎีกาข้อแรกว่า พินัยกรรมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1706(3) เพราะตามข้อกำหนดพินัยกรรมดังกล่าวเจตนาอันแท้จริงในการทำพินัยกรรมมิใช่เจตนายกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ทำพินัยกรรมที่มีชีวิตอยู่เพียงแต่เจตนาให้ผู้ทำพินัยกรรมที่มีชีวิตอยู่แต่ผู้เดียวเป็นผู้มีสิทธิและหน้าที่รวบรวมรักษาจำหน่ายทรัพย์ให้แก่บุคคลในข้อ (ข) เท่าไรก็ได้ตามแต่จะเห็นสมควร พินัยกรรมนี้จึงเป็นโมฆะทั้งฉบับนั้นเห็นว่า พินัยกรรมที่ผู้ร้องกับผู้ตายทำร่วมกันในฉบับเดียวตามข้อกำหนดในข้อ (ก) เป็นกรณีที่ผู้ร้องกับผู้ตายแสดงเจตนาไว้ว่าหากผู้ร้องหรือผู้ตายคนใดคนหนึ่งถึงแก่ความตายไปก่อน ให้ทรัพย์สินของผู้ที่ถึงแก่ความตายไปก่อนตกเป็นสินส่วนตัวของผู้ทำพินัยกรรมที่ยังมีชีวิตอยู่แต่เพียงผู้เดียวและให้เป็นผู้มีสิทธิและหน้าที่รวบรวมเก็บรักษาจัดจำหน่ายหรือแบ่งปัน และยกทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่บุคคลใดก็ได้ตามแต่เจ้าของพินัยกรรมผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จะเห็นสมควรภายใต้ข้อกำหนดซึ่งระบุไว้ในข้อ (ข) แสดงว่าผู้ร้องและผู้มีเจตนาที่จะยกทรัพย์สินให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งหากว่าฝ่ายใดถึงแก่ความตายไปก่อน เพียงแต่กำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์สินที่ได้ตามพินัยกรรมให้แก่บุคคลตามที่ระบุไว้ในข้อ (ข)โดยให้ผู้รับพินัยกรรมกำหนดให้มากน้อยเท่าใดตามแต่ใจ กรณีถือได้ว่าเงื่อนไขนั้นเป็นอันไม่มีเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1707 มิใช่มาตรา 1706(3) ตามที่ฎีกามา ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าข้อกำหนดพินัยกรรมในส่วนที่ผู้ตายยกทรัพย์สินให้แก่ผู้ร้องยังคงสมบูรณ์ใช้บังคับได้นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาข้อนี้ของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
ผู้คัดค้านฎีกาข้อต่อมาว่า การที่ผู้ร้องกับผู้ตายได้ทำพินัยกรรมในฉบับเดียวกัน ต่างยกทรัพย์สินให้แก่กันและกัน เป็นการทำผิดแบบของพินัยกรรมและเป็นการพนันขันต่อ โดยใช้ชีวิตเป็นเดิมพันจึงเป็นโมฆะนั้น แม้จะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมา และเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยให้เห็นว่า พินัยกรรมได้ทำเป็นหนังสือลงวันเดือนปีในขณะที่ทำขึ้นและผู้ทำพินัยกรรมได้ลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน ซึ่งพยานสองคนได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น จึงเข้าแบบพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656 แม้ผู้ร้องกับผู้ตายจะทำพินัยกรรมในเอกสารฉบับเดียวกันก็ไม่ผิดแบบแต่อย่างใด และก็มิใช่การพนันขันต่อเพราะเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์มรดกของตนเองหรือในการต่าง ๆ อันจะให้เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมายในเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 ฎีกาของผู้คัดค้านในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
ฎีกาของผู้คัดค้านที่ว่า การที่ผู้ร้องลงชื่อในพินัยกรรมถือได้ว่าลงชื่อในฐานะพยาน จึงเป็นโมฆะนั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1653 บัญญัติเฉพาะผู้เขียนหรือพยานในพินัยกรรมจะเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นไม่ได้ปัญหาจึงมีว่าผู้ร้องได้ลงชื่อในพินัยกรรมในฐานะพยานหรือไม่ตามหนังสือพินัยกรรม ผู้ร้องคงลงชื่อในฐานะผู้ทำพินัยกรรมเท่านั้นการที่จะเป็นผู้เขียนหรือเป็นพยานในพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1671 บัญญัติว่าบุคคลนั้นต้องลงลายมือชื่อของตนทั้งระบุว่าเป็นผู้เขียน หรือเป็นพยานไว้ต่อท้ายลายมือชื่อของตนด้วย ดังนั้นเมื่อผู้ร้องลงลายมือชื่อในฐานะผู้ทำพินัยกรรมไม่มีข้อความว่าเป็นพยาน จึงจะถือว่าเป็นพยานในพินัยกรรมด้วยไม่ได้พินัยกรรมจึงไม่เป็นโมฆะด้วยเหตุตามฎีกาของผู้คัดค้านในข้อนี้
ผู้คัดค้านฎีกาข้อสุดท้ายว่า ผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเพราะผู้ร้องปัจจุบันอายุ 77 ปี มีโรคประจำตัวมากมายไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ ทรัพย์มรดกของผู้ตายนอกจากเงินฝากธนาคารแล้ว ผู้ร้องไม่สามารถจัดหาหรือสืบหาได้ สมควรตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย นั้นเห็นว่า แม้ผู้ร้องจะมีอายุมากแล้วและเคยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ก็ปรากฏว่าผู้ร้องมีสติสัมปชัญญะดี มีความรู้สึกผิดชอบมีความสามารถที่จะดำเนินการทำนิติกรรมใด ๆ ได้และผู้ร้องก็ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามกฎหมายทั้งผู้ร้องก็เป็นทายาทโดยพินัยกรรมได้รับมรดกทั้งหมดของผู้ตายเท่ากับผู้ตายตัดมิให้ผู้คัดค้านได้รับมรดกของตน แม้ผู้คัดค้านจะมีสิทธิในสินสมรสร่วมกับกับผู้ตายนั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่างหากจากการจัดการมรดก และแม้ผู้คัดค้านจะเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ก็ได้ความว่าผู้คัดค้านอยู่กินฉันสามีภรรยากับชายอื่นทั้ง ๆ ที่ยังไม่ขาดจากการสมรสกับผู้ตายแสดงว่าการที่ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้ผู้ร้องก็เนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าว และไม่ต้องการที่จะให้ผู้คัดค้านเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดกของตน ตามพฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่สมควรตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ที่ศาลล่างทั้งสองให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้จึงชอบแล้ว ฎีกาทุกข้อของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

บทความที่น่าสนใจ

-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่

-ด่ากันทางโทรศัพท์

-ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก

-การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม

-การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

-เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น

-ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน
เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน

-ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร

-ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

-ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้

-การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน

-เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร