ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 และที่ 3 เข้าไปในบริเวณบ้านเลขที่ 90/74 หมู่ที่ 4 ตำบลไทรน้อย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ของโจทก์ แล้วจำเลยที่ 1 และที่ 3 ด่าโจทก์ด้วยถ้อยคำหยาบคายอันเป็นความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ในความผิดฐานนี้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์จึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นความผิดฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 เข้าไปในบริเวณบ้านของโจทก์ โดยมีเจตนาเข้าไปด่าโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ดังที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา แต่การที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 เข้าไปในบริเวณบ้านอันเป็นเคหสถานของโจทก์เพื่อด่าโจทก์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ย่อมเป็นการแสดงว่าเข้าไปในเคหสถานของโจทก์โดยไม่มีเหตุอันสมควร การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 แม้โจทก์ไม่ได้อ้างมาตรา 364 แต่ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีข้อความอันเป็นความผิดตามมาตรา 364 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เช่นนี้ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตามมาตรา 364 และบทฉกรรจ์ ตามมาตรา 365 (2) ได้ ทั้งไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ และมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ดังที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 นั้น ไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (2) ประกอบมาตรา 364 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1
บทความที่น่าสนใจ
-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่
-ด่ากันทางโทรศัพท์
-ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก
-การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม
-การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
-เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น
-ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน
เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน
-ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร
-ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม
-ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้
-การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน
-เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร
-การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ
-คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้
-ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้
-ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร
-ด่าว่า จัญไร ถอนการให้ได้
-ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ
-หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่
-การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด
-ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่
-ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร
-คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว
-การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่
|