ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ |
---|
มาตรา 622 ของถึงเมื่อใด ผู้ขนส่งต้องบอกกล่าวแก่ผู้รับตราส่ง
|
คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2539 สายการเดินเรือช. รับจ้างขนส่งสินค้าจากต่างประเทศมายังประเทศไทยแต่ไม่มีสาขาในประเทศไทยจึงให้จำเลยที่1ดำเนินการแทนระหว่างเดินทางเรือบรรทุกสินค้าของสายการเดินเรือช.เกิดเพลิงไหม้ทำให้สินค้าเสียหายบางส่วนต้องขนสินค้าที่เสียหายขึ้นที่เมืองฮ่องกง จำเลยที่1มีหนังสือถึงผู้เกี่ยวข้องกับสินค้าบนเรือขอให้ใช้กฎแห่งการเฉลี่ยทั่วไปในรูปแบบของหลักประกันเฉลี่ยของบริษัทลอยด์ จำกัดจากผู้รับตราส่งสินค้าเรียกหนังสือค้ำประกันเพื่อกฎแห่งการเฉลี่ยอย่างไม่จำกัดจำนวนจากผู้รับประกันภัยสินค้าและขอให้ลงชื่อในแบบฟอร์มหลักประกันเฉลี่ยและหนังสือค้ำประกันเมื่อเรือสินค้ามาถึงประเทศไทยจำเลยที่1เป็นผู้แจ้งเรือเข้าต่อกรมเจ้าท่าและต่อการท่าเรือแห่งประเทศไทยแจ้งให้กรมศุลกากรทราบว่าสินค้าที่บรรทุกมาบนเรือมีอะไรบ้างประกาศหนังสือพิมพ์ให้ผู้รับตราส่งทราบเพื่อให้นำใบตราส่งมาแลกกับใบปล่อยสินค้าซึ่งจำเลยที่1เป็นผู้ออกให้เพื่อไปรับสินค้าจากคลังสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยจำเลยที่1เป็นผู้รับค่าระวางขนส่งจากผู้รับตราส่งมีหน้าที่ขนถ่ายสินค้าบนเรือทั้งหมดไปเก็บไว้ในคลังสินค้าและเมื่อเรือบรรทุกสินค้าไม่สามารถแล่นผ่านปากแม่น้ำเจ้าพระยาจำเลยที่1ต้องหาเรือลำเลียงมาขนถ่ายสินค้าการดำเนินการดังกล่าวของจำเลยที่1เป็นวิธีการรับขนทางทะเลมีลักษณะร่วมกันขนส่งสินค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่จำเลยที่1ประกาศหนังสือพิมพ์ให้ผู้รับตราส่งทราบเพื่อให้นำใบตราส่งมาแลกกับใบปล่อยสินค้าซึ่งจำเลยที่1เป็นผู้ออกให้เพื่อนำไปรับสินค้าจากคลังสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นขั้นตอนสำคัญของการรับขนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา615และมาตรา622จำเลยที่1จึงเป็นผู้ขนส่งหลายคนหลายทอดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา618จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ เมื่อเรือบรรทุกสินค้าบรรทุกน้ำหนักให้มากไม่สามารถเข้ามาที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาได้จำเลยที่1ได้ให้จำเลยที่2เป็นผู้ขนถ่ายสินค้าจากเรือบรรทุกสินค้าจากเกาะสีชังมากรุงเทพมหานครจำเลยที่2ได้ว่าจ้างจำเลยที่4และที่5ขนถ่ายสินค้าโดยมีจำเลยที่3เป็นคนขับเรือเล็กจำเลยที่2ที่4และที่5เป็นผู้ดำเนินการขนถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่สู่เรือเล็กแล้วนำเข้าเก็บไว้ในคลังสินค้าจึงถือได้ว่าจำเลยที่2ที่4และที่5เป็นผู้ร่วมขนส่งสินค้าพิพาทกับจำเลยที่1เพื่อให้สินค้าถึงผู้ซื้อในการขนส่งช่วงสุดท้ายจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่3มีฐานะเป็นเพียงลูกจ้างของจำเลยที่4และที่5ซึ่งเป็นผู้ร่วมขนส่งสินค้าพิพาทจำเลยที่3จึงย่อมไม่ใช่ผู้ร่วมขนส่งหลายทอด บทความที่น่าสนใจ-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่ -ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก -การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม -การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร -เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น -ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร -ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม -ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้ -การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน -เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร -การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ -คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้ -ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้ -ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร -ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ -หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่ -การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด -ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่ -ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร -คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว -การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่
|