คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5729/2556

การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองแล้วใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 ถือว่าเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่เป็นความผิดหลายกรรมไม่

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22132/2555

 

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 215, 83, 32, 33, 91, 92 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 38, 78 ริบของกลาง และเพิ่มโทษจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ

จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคสอง, 295, 288 ประกอบมาตรา 81, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง, 78 วรรคหนึ่ง วรรคสี่ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยใช้วัตถุระเบิด เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 7 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 2 ปี ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ จำคุกคนละ 8 เดือน ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย จำคุกคนละ 4 เดือน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 ปี 16 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 9 ปี 18 เดือน จำเลยที่ 2 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกมาแล้ว ภายในเวลาห้าปี นับแต่วันที่พ้นโทษ กลับมากระทำความผิดอีก ให้เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 12 ปี 24 เดือน ริบของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบมาตรา 83 อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุกคนละ 2 ปี ให้ยกฟ้องในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยใช้วัตถุระเบิดและพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 และความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ เมื่อรวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสองทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกจำเลยที่ 1 กำหนด 4 ปี 2 เดือน จำเลยที่ 2 กำหนด 4 ปี 4 เดือน ยกคำขอที่ให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันใช้วัตถุระเบิดพยายามฆ่าผู้อื่นโดยการกระทำนั้นไม่สามารถจะทำให้บรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ และร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ระเบิดปิงปองที่บรรจุดินระเบิดและมีเม็ดตะกั่วอยู่ภายในหากเกิดระเบิดและเม็ดตะกั่วถูกอวัยวะสำคัญของร่างกายย่อมสามารถทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เช่นเดียวกับระเบิดชนิดอื่นๆ การที่จำเลยทั้งสองขว้างลูกระเบิดใส่ผู้เสียหายที่ 1 และเกิดระเบิดขึ้นถูกผู้เสียหายทั้งสี่ จึงต้องถือว่าเป็นการกระทำไปโดยรู้สำนึกและประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายทั้งสี่ซึ่งอยู่ด้วยกันถึงแก่ความตายได้ แม้ผู้เสียหายทั้งสี่ได้รับบาดเจ็บเพียงมีแผลถลอกและรอยแดงตามผิวหนัง ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ ก็เป็นเพียงผลที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากวัตถุระเบิดที่เป็นปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำมีอานุภาพไม่ร้ายแรงเพียงพอที่จะทำอันตรายต่อชีวิตได้ หาใช่เป็นเพราะจำเลยทั้งสองมีเจตนาเพียงต้องการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสี่เท่านั้นไม่ และการที่วัตถุระเบิดที่เป็นปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำมีอานุภาพไม่ร้ายแรงเพียงพอที่จะทำอันตรายต่อชีวิตได้ดังกล่าว ย่อมทำให้การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่สามารถบรรลุผลคือความตายของผู้เสียหายทั้งสี่ได้อย่างแน่แท้ จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันใช้วัตถุระเบิดพยายามฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น แต่ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตได้ เป็นคนละกรรมกับความผิดฐานร่วมกันใช้วัตถุระเบิดพยายามฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นนั้น เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองแล้วใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 ถือว่าเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่เป็นความผิดหลายกรรมไม่ จึงเห็นควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง สำหรับความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ แม้ได้ความว่าที่จำเลยทั้งสองร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 และพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสี่มีพวกของจำเลยทั้งสองประมาณ 20 คน ขับรถจักรยานยนต์ประมาณ 10 คัน มาพร้อมกับจำเลยทั้งสองด้วย แต่พวกของจำเลยทั้งสองส่วนใหญ่เพียงแต่จอดรถจักรยานยนต์ฝั่งตรงข้ามแผงขายผลไม้ของผู้เสียหายที่ 1 และขับออกไปหลังเกิดเหตุ โดยมิได้กระทำการใด ๆ ที่เป็นการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองแต่อย่างใด การที่จำเลยทั้งสองกับพวกเข้ารุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 และต่อมาใช้ระเบิดขว้างใส่แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปก็เป็นเพียงการก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่าผู้อื่นเช่นที่เกิดขึ้นตามปกติทั่วไป พฤติการณ์ในการกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายกฟ้องข้อหานี้มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง สำหรับความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย แม้โจทก์จะบรรยายข้อเท็จจริงครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ก็ตาม แต่เมื่อคำขอท้ายฟ้องโจทก์ไม่ระบุมาตรา 295 มาด้วย จึงต้องถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตราดังกล่าว และเป็นการเกินคำขอ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง และวรรคสี่ ศาลจึงพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอมิได้ ไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานดังกล่าวได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 38, 78 วรรคหนึ่ง วรรคสาม และวรรคสี่ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตได้กับความผิดฐานร่วมกันใช้วัตถุระเบิดพยายามฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 78 วรรคสี่ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี ยกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6


 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

 

บทความที่น่าสนใจ

-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่

-ด่ากันทางโทรศัพท์

-ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก

-การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม

-การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

-เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น

-ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน
เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน

-ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร

-ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

-ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้

-การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน

-เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร

-การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ

-คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้

-ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้

-ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร

-ด่าว่า จัญไร ถอนการให้ได้

-ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ

-หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่

-การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด

-ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่

-ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร

-คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว

-การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่